มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ จับมือ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ลงนาม MOU เดินหน้าศึกษาวิจัยพืช “กัญชา”และพืชเสพติดที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ของประเทศอย่างยั่งยืน พร้อม เตรียมเปิดสาขาวิชาแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก เร็วๆนี้

                     9 ก.พ. 65  รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเดินหน้าศึกษาวิจัยพืช “กัญชา” และพืชเสพติดที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ ระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

                  ทั้งนี้ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา วิจัย  เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับพืชกัญชา และพืชสมุนไพรอื่น เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการรักษาผู้ป่วยภายใต้กรอบและเงื่อนไขที่ถูกต้องและเป็นตามกฎหมาย และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาทรพยากรมนุษย์ทางด้านเทคโนโลยีเชิงเกษตรกรรม สมุนไพร การแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกที่มุ่งเน้นในบริบทด้านพืชกัญชาและพืชสมุนไพรอื่น เพื่อประโยชน์ทางราชการ การแพทย์และการรักษาผู้ป่วยภายใต้กรอบและเงื่อนไขที่ถูกต้องและเป็นตามกฎหมาย

     ทั้งนี้นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีพันธกิจ ในการพัฒนาวิชาการและการบริการ ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยส่งเสริมและพัฒนาการวิจัย การจัดระบบความรู้ พัฒนาแหล่งผลิตและผลิตภัณฑ์สมุนไพร คุ้มครอง อนุรักษ์ และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย พัฒนาคุณภาพ มาตรฐานการบริการ เพื่อนำไปใช้ในระบบบริการสุขภาพ อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ และส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

             ภายหลังกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษอนุญาตให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ได้ ทางกรมฯได้รวบรวมและคัดกรองตำรับยาที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบทั้งตำรับที่มาจากตำรายาซึ่งมีจำนวนมาก และตำรับที่แพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านมีประสบการณ์ใช้ ประกาศเป็นตำรับยาที่ให้ใช้ได้ตามกฎหมาย นำสูตรตำรับมาผลิตและพัฒนาเป็นยาสำเร็จรูปกระจายในหน่วยบริการของรัฐทุกระดับทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นได้เข้าถึงยาอย่างกว้างขวางและทั่วถึง ที่ผ่านมาในช่วงเวลาเกือบ 3 ปี หลังจาก พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ มีตำรับยาแผนไทย ตำรับยาพื้นบ้านที่ถูกนำมาใช้มากกว่า 44 ตำรับ และจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับประโยชน์จากการใช้ยากัญชามากกว่า 80,000 ราย

              อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวด้วยว่าการที่ได้ทำ MOU กับทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้นั้นจะทำให้ได้รับช่อดอกกัญชาที่ได้คุณภาพสูงมีมาตรฐานในระดับ Medical Grade และมีปริมาณมาก เพื่อนำไปใช้ผลิตน้ำมันกัญชา และยาสำหรับรักษาโรค ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยที่รอการรักษาอยู่กว่า 4 แสนราย นอกจากนี้แล้วใน MOU ดังกล่าวนั้นจะได้มีการร่วมผลิตบุคลากรทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกับทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วย

               ด้านรศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือกับทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในครั้งนี้ จะร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือกและพืชสมุนไพร ร่วมกันผลิตกัญชาทางการแพทย์ โดยกรมจะรับมอบผลผลิตกัญชาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้เพื่อผลิตตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ รวมทั้งร่วมกันบริการทางวิชาการ การจัดการเรียน การสอน การฝึกอบรม การศึกษาดูงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือกและสมุนไพร ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้จะได้มีการเปิดสาขาวิชาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อผลิตบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อรับใช้สังคม ประเทศชาติ ดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรค เฉพาะทาง เพื่อแบ่งเบาภาระระบบสาธารณสุขของประเทศ และสร้างเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชน โดยความร่วมมือกับทางกรมครั้งนี้มีระยะเวลา 5 ปี จากปี 2565-2570 ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อไป

              กรมแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก มีแผนในการรับช่อดอกกัญชาและกัญชงที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์นานาชาติมาผลิตตำรับยาสมุนไพรไทยและเผยแพร่สู่ประชาชนทั่วไป ถือเป็นมิติใหม่ของทั้ง 2 องค์กร ในการสร้างและพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการจัดการ รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือในระดับองค์กร ระดับชาติ และนานาชาติ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ต่อไป

 

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here